ข้อมูลการออกอากาศ ของ อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 7

The Girl Who Marks Her Territory

ออกอากาศ : 20 กันยายน พ.ศ. 2549

เริ่มต้นฤดูกาลกับการคัดตัว ซินเดลบอกว่าเธอทำงานที่คลับระบำเปลื้องผ้าและเธอคิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนางแบบ อันชาลเลือกใส่คอนแทคเลนส์สีฟ้าเพราะชาวอินเดียเชื่อว่าคนสวยต้องมีตาสีฟ้าและผิวขาวเท่านั้น จากนั้นผู้เข้ารอบทั้ง 33 คน ได้ถูกคัดเหลือเพียง 21 คน จากนั้นพวกเธอจะต้องถ่ายภาพเปลือย สาวๆ บางคนก็รับไม่ได้ที่จะต้องถ่ายภาพเปลือย หลังจากนั้นสาวๆ ก็ถูกคัดเหลือ 13 คนเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่แท้จริงต่อไป และแจสลีน กอนซาเลซ ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายได้บอกกับไทร่าว่าเธอจะไม่ยอมแพ้และจะกลับมาอีก

จากนั้นพวกเธอต้องไปเดินแบบในสไตล์ร็อคแอนด์โรลให้กับดีไซน์เนอร์ เอลเมอร์ เอเวนนิว โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกเสื้อผ้าจากนายแบบหนุ่มทั้ง 13 คน เมลโรสเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ทำให้เธอได้รับสิทธิให้เป็นสาวชั้นสูงใน 1 วัน ในการถ่ายรูปวันถัดไป

ที่บ้านแห่งแฟชั่นของพวกสาวๆ ผู้เข้าแข่งขันพบว่ามีเตียงเพียง 11 เตียงเท่านั้น โมนิคกับคริสเตียนไม่มีเตียง แต่โมนิคแย่งเตียงของยูจีน่าโดยการเทน้ำราดลงไปเพื่อกันไม่ให้ใครแย่งเตียงคืนไปได้

วันต่อมาไทร่าได้มาหาสาวๆ ในรูปแบบนางแบบขี้วีน เพื่อบอกใบ้ว่าสาวๆ จะต้องถ่ายภาพแสดงถึงลักษณะภาพพจน์เสียๆ ของนางแบบซึ่งมีดังต่อไปนี้

นางแบบลักษณะภาพพจน์
เอเจนางแบบที่ชอบคัดตัวบนเตียง
อแมนด้านางแบบอโนเร็กซิส
อันชาลนางแบบหลงตัวเอง
บรูคนางแบบที่ชอบแทงข้างหลัง
แคริดีนางแบบผมบลอนด์สมองกลวง
คริสเตียนนางแบบที่หันมาเป็นนักแสดง
ยูจีน่านางแบบผิวสีที่ทำตัวเป็นสาวผิวขาว
เจด้านางแบบคลั่งศัลยกรรม
เมแกนนางแบบสาวเจ้าอารมณ์
เมกก์นางแบบขี้เมาติดยา
เมลโรสนางแบบที่ไม่รับงานถ้าได้ค่าตัวต่ำกว่าหมื่นดอลล่าห์
มิเชลล์นางแบบบูลิเมีย
โมนิคนางแบบจอมวีนขว้างโทรศัพท์ใส่ผู้ช่วย

ในห้องตัดสิน คณะกรรมการรักภาพของมิเชลล์, แคริดี้ และเอเจ แต่ไม่ประทับใจภาพของบรูค, คริสเตียน และเมลโรส กรรมการรู้สึกว่าภาพของเมลโรสดูแก่กว่าความเป็นจริง และทัศนคติที่แย่ในการทำงานทำให้เธอต้องกลายเป็นสองคนสุดท้าย แต่เป็นคริสเตียนที่ต้องกลับบ้านเพราะได้ภาพที่ไร้ชีวิต และกรรมการเชื่อในศักยภาพของเมลโรสมากกว่า

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : มิเชลล์ บาบิน
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : คริสเตียน อีวานส์ และ เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : คริสเตียน อีวานส์
  • ช่างถ่ายภาพ : โอลิเวอร์ บรอนสัน, ดีแลน ดอน
  • แขกรับเชิญพิเศษ : ฝาแฝดแอสไวล์, คอลลิน พอลสิเฟอร์, จอนนี่ เดย์, วาร์ด โรบินสัน, ชอน เมอร์ฟี่

The Girl Who Hates Her Hair

ออกอากาศ : 27 กันยายน พ.ศ. 2549

ไทร่าทำเซอร์ไพรส์สาวๆ ด้วยการแปลงโฉม ในขณะที่เมกก์ และยูจีน่าถูกใจในลุคส์ใหม่ของตัวเอง แต่เอเจ, เมลโรส, โมนิค และเจด้าต่างไม่พอใจในลุคส์ใหม่ และแสดงท่าทางในด้านลบออกมาอย่างชัดเจนจนทำให้ เจย์ มานูเอล ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความไม่พอใจในท่าทีและทัศนคติของพวกเธอ

ในการแข่งขันประจำสัปดาห์ สาวๆ จะต้องแข่งกันแต่งหน้า แต่งตัว ในเวลาที่จำกัด โดยที่พวกเธอจะต้องขึ้นลิฟท์ไปผ่านทุกชั้นในตึกไปจนถึงชั้นบนสุด และในแต่ละชั้นพวกเธอจะมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการแต่งหน้า แต่งตัว เลือกเครื่องประดับ เมกก์กับโมนิคขึ้นลิฟท์ไม่ทันและถูกคัดออกจากการแข่งขัน ที่ชั้นบนสุด ควีนลาติฟาห์ ได้รอสาวๆ อยู่และเธอได้ตัดสินให้ยูจีน่าเป็นผู้ชนะการแข่งขันซึ่งรางวัลของเธอก็คือได้ถ่ายภาพขึ้นเว็บไซต์ของคัฟเวอร์เกิร์ล โดยเธอได้เลือกให้แคริดีและเจด้าได้รางวัลร่วมกับเธอด้วย

เมื่อกลับมาถึงบ้าน โมนิครู้สึกไม่พอใจที่เธอแพ้ในการแข่งขัน จึงเริ่มก่อกวนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นด้วยการใช้โทรศัพท์ยาวนานกว่าสามชั่วโมง และในที่สุดอันชาลกับมิเชลล์ก็หมดความอดทนและพยายามวางสายโทรศัพท์ของโมนิคซึ่งทำให้สามสาวเกิดการปะทะคารมกันอย่างรุนแรง

ในการถ่ายรูปประจำสัปดาห์ สาวๆ จะต้องใส่วิกแฟนตาซีขนาดใหญ่ เมลโรสทำได้ดีที่สุดในครั้งนี้ ในขณะที่มิเชลล์, อแมนด้า, อันชาล และแคริดีต่างก็ทำได้ดีเช่นกัน ความไม่พอใจของเจด้าสื่อออกมาในรูปและทำให้เธอกลายเป็นสองคนสุดท้ายกับเมแกน ที่ได้ภาพออกมาแย่ สุดท้ายเมแกนเป็นผู้ที่ต้องถูกคัดออก เพราะกรรมการยังคงเชื่อในศักยภาพที่มีมากกว่าของเจด้า

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : เจด้า ยัง และ เมแกน มอร์ริส
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : เมแกน มอร์ริส
  • ช่างถ่ายภาพ : เทรซี่ เบยน์
  • แขกรับเชิญพิเศษ : เฟรดเดอริค เฟคไค, ควีน ลาติฟาห์, โรแซนน่า ฟลอยด์, มิสเตอร์ ลิตเติ้ล, ลิซ่า บี, เวียวิน สตีเว่น
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : อันชาล โจเซฟ

The Girl Who Goes To Texas

ออกอากาศ : 4 ตุลาคม พ.ศ. 2549

ในสัปดาห์นี้ มิสเจ.อเล็กแซนเดอร์ผู้ชำนาญการเดินบนรันเวย์ได้ให้สาวๆ ฝึกเดินบนสะพานเชือกเส้นเล็ก เมื่อกลับมาถึงบ้าน สงครามระหว่างเมลโรสกับโมนิคก็เริ่มขึ้น เมื่อขณะที่เมลโรสกำลังโทรศัพท์ โมนิคเดินมาเปิดประตูห้องและแกล้งส่งเสียงดังตะโกนรบกวนจนเมลโรสปิดประตูใส่ คืนนั้นโมนิคได้เอาคืนโดยการเอากางเกงในใช้แล้วของเธอไปป้ายที่นอนของเมลโรส

วันต่อมาสาวๆ ต้องมาแข่งขันเดินแบบกันโดยมี บรี สคัลลาร์ค จากฤดูกาลที่ 5 มาเป็นแขกรับเชิญ สาวๆ จะต้องเดินบนทางหินขรุขระโดยที่ต้องใส่ส้นสูงและหน้ากากปิดตาด้วย เอเจเป็นผู้ชนะการแข่งขันและรางวัลของเธอก็คือการได้บินไปเดินแฟชั่นวีคการกุศลให้กับ เดนนิส เควด ที่ออสติน เท็กซัส โดยเธอได้เลือกให้ แคริดีกับเมกก์ ให้ไปกับเธอด้วย

การถ่ายรูปในครั้งนี้สาวๆ ต้องเดินบนแคทวอล์คที่ลอยอยู่กลางน้ำ โมนิครู้สึกไม่สบายและเธอตัดสินใจที่จะกลับไปนอนพักโดยไม่ยอมถ่ายภาพครั้งนี้ ในห้องตัดสินโมนิคถูกนำมาเปรียบเทียบกับแดเนียลล์ในฤดูกาลที่ 6 ที่ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลแต่ก็ยังอดทนพยายามมาถ่ายแบบ และนั่นทำให้เธอต้องกลายเป็นสองคนสุดท้ายกับยูจีน่า ที่ไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ลงบนภาพได้ และโมนิคต้องตกรอบเพราะไม่มีภาพถ่ายในห้องตัดสินและผลงานที่ผ่านมาก็ไม่แข็งแรงพอที่จะพาเธอสู่รอบต่อไปได้

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : เอเจ สจ๊วต
  • ผู้ที่ยืนสองคนสุดท้าย : ยูจีน่า วอชิงตัน และ โมนิค คาลฮูน
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : โมนิค คาลฮูน
  • ช่างถ่ายภาพ : ชาร์ลี อัลทัวน่า
  • แขกรับเชิญพิเศษ : เดนนิส เควด, บรี สคัลลาร์ค, อัลทัวน่า มอเรโน่, รีเบคก้า เอพลีย์, คอรีน วอยเทล, เอพริล วิลค์เนอร์, แชนน่อน สจ๊วต, เมอร์ซีดีส สเคลบา-ชอร์ท, บริททานี่ บราวเออร์, คามิลล์ แมคโดนัลด์
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : อันชาล โจเซฟ

The Girl Who Joined the Circus

ออกอากาศ : 11 ตุลาคม พ.ศ. 2549

ผู้เข้าแข่งขันได้ถูกพาไปฝึกการโพสท่าแบบยืดหยุ่นกับสเตซี่ย์ แมคเคนซี่ จากนั้นพวกเธอต้องแข่งกันโพสท่าในชุดของ บาว แทรนซ์ชี่ และ เครื่องประดับของ เอริก้า คอร์ทนีย์ แบบสุดขั้วแต่ต้องดูเป็นแฟชั่นชั้นสูงด้วย ยูจีน่าเป็นผู้ชนะการแข่งขัน และรางวัลของเธอก็คือเครื่องประดับทั้งหมดที่ใช้ในการแข่งครั้งนี้รวมมูลค่าทั้งหมด 32,000 ดอลล่าห์

ในการถ่ายรูปครั้งนี้สาวๆ ต้องถ่ายรูปในหัวข้อตัวประหลาด ในโรงละครสัตว์ ซึ่งพวกเธอต้องรับบทต่างๆ ดังนี้

นางแบบมนุษย์ประหลาด
เอเจมนุษย์กินคน
อแมนด้า,มิเชลล์แฝดสยาม
อันชาลยักษ์สาว
บรูคมนุษย์ยางยืด
แคริดีสาวจมูกช้าง
ยูจีน่ามนุษย์นกแก้ว
เจด้าสาวจอมพลัง
เมกก์ผู้หญิงหนวดยาว
เมลโรสสาวหน้าแก่

ที่ห้องตัดสิน คณะกรรมการชื่นชมภาพของ เอเจและแคริดี ในขณะที่เจด้าและเมกก์ได้ภาพที่ออกมาเลวร้ายและต้องกลายเป็นสองคนสุดท้าย และเมกก์ต้องถูกส่งกลับบ้านเพราะกรรมการรู้สึกว่าเธอไม่สามารถที่จะถ่ายทอดบุคลิกที่สดใสของเธอลงในภาพถ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : แคริดี อิงลิช
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : เจด้า ยัง และ เมกก์ โมราเลส
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : เมกก์ โมราเลส
  • ช่างถ่ายภาพ : ไมค์ โรเซนธอล
  • แขกรับเชิญพิเศษ : บาว แทรนซ์ชี่, สเตซี่ย์ แมคเคนซี่, โจนาธาน โนสัน, เอริก้า คอร์ทนีย์, เอทูซ่า รูเบนสตีน
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : เอเจ สจ๊วต

The Girl Who Punk'd Ashton

ออกอากาศ : 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549

การแข่งขันในสัปดาห์นี้ สาวๆ ต้องพยายามรับมือและสร้างความประทับใจให้กับ เจนิส ดิคคินสัน อดีตกรรมการอารมณ์ร้อน สาวๆ ส่วนใหญ่ทำได้ไม่ค่อยดีในขณะที่เมลโรสสามารถคุมสติและกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ซึ่งรางวัลของเธอก็คือเป็นพิธีกรพิเศษในรายการ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทูไนท์

ที่บ้านพัก มิเชลล์ ได้เปิดเผยว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ซึ่งทำให้อแมนด้ารู้สึกประหลาดใจและช็อคมากที่เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่หลังจากที่คุยกับไทร่า อแมนด้าได้บอกให้คู่แฝดของเธอบอกเรื่องนี้ให้แม่ของพวกเธอได้รับรู้ไว้

การถ่ายภาพในครั้งนี้ สาวๆ จะต้องรับบทเป็นเหล่าบรรดาคู่รักคนดังที่มีชื่อเสียงดังต่อไปนี้

นางแบบคู่รักคนดัง
เอเจมาร์ค แอนโทนี่ และ เจนนิเฟอร์ โลเปซ
อแมนด้าแอชตัน คุชเชอร์ และ เดมี่ มัวร์
อันชาลสตีดแมน เกรแฮม และ โอปราห์ วินฟรีย์
บรูคเควิน เฟดเดอร์ไลน์ และ บริทนีย์ สเปียร์
แคริดีแบรด พิทท์ และ แองเจลิน่า โจลี่
ยูจีน่าเจย์-ซี และ บียอนเซ่ โนว์เลส
เจด้าบ็อบบี้ บราวนด์ และ วิทนี่ย์ ฮูสตัน
เมลโรสโดนัลด์ ทรัมป์ และ เมลานี่ ทรัมป์
มิเชลล์เอลเลน เดเจนเรส และ พอร์เทีย เด รอซซี่

ในห้องตัดสิน สาวๆ ได้ดูวิดีโอของพวกเธอขณะอยู่บนพรมแดง บรูคดูโดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ในขณะที่เอเจกลับไม่มีความตั้งใจเลยแม้แต่น้อย ภาพถ่ายของบรูคทำออกมาได้ประทับใจกรรมการที่สุดซึ่งทำให้เธอถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก และ แคริดีกับเมลโรส ต่างก็สร้างความประทับใจให้กับกรรมการด้วยเช่นกัน

เอเจและเจด้ากลายเป็นสองคนสุดท้าย เพราะกรรมการรู้สึกว่าเธอทั้งคู่เริ่มที่จะไม่ค่อยสนใจและไม่กระตือรือล้นในการแข่งขันเท่าที่ควร และสุดท้ายเอเจต้องถูกคัดออกเพราะกรรมการรู้สึกว่าเธอได้หมดไฟในการแข่งขันนี้แล้วและเป็นอีกครั้งที่เจด้าได้รับโอกาสให้อยู่ในการแข่งขันต่อไป

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : บรูค มิลเลอร์
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : เจด้า ยัง และ เอเจ สจ๊วต
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : เอเจ สจ๊วต
  • ช่างถ่ายภาพ : แมทธิว จอร์แดน สมิธ
  • แขกรับเชิญพิเศษ : เจนิส ดิคคินสัน, มาร์ค สไตเนส
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : เอเจ สจ๊วต

The Girl Who Graduates

ออกอากาศ : 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549

สาวๆ เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการถ่ายรูปขาว-ดำกับไทร่า โดยพวกเธอต้องใส่คอนแทคเลนส์และโพสท่าให้ดูดุดัน น่ากลัว และน่าขนลุก จากนั้นพวกเธอต้องฝึกการทำท่าเซ็กซี่กับ ดีต้า วอน ทีส และแข่งขันกันเดินแบบเซ็กซี่บนโต๊ะอาหารในงานเลี้ยงมื้อค่ำของ เคธี่ โกลด์ ผู้อำนวยการของอีลีทโมเดล เมลโรสเป็นผู้ชนะและรางวัลของเธอคือได้ถ่ายรูปลงโฆษณาหน้าแรกของนิตยสารเซเว่นทีน ซึ่งเธอเลือกอแมนด้า มิเชลล์ และบรูคให้ไปถ่ายรูปกับเธอด้วยในการถ่ายรูปครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องถ่ายรูปขึ้นปกนิยายรักกับนายแบบฟาบิโอ้โดยต้องให้รูปภาพออกมาดูเซ็กซี่แต่ไม่อนาจาร โดยพวกเธอต้องรับบทต่างๆ ดังนี้

นางแบบนิยาย
อแมนด้าสาวคนอื่น
อันชาลปิรามิดแห่งรัก
บรูคอย่าทิ้งฉันไป
แคริดีแต่...ฉันก็รักเธอ
ยูจีน่าอย่าทำแบบนั้น!
เจด้าคมเขี้ยวแห่งรัตติกาล
เมลโรสหญิงสาวแห่งค่ำคืน
มิเชลล์ใครเป็นพ่อของลูกฉัน?

ในห้องตัดสิน ภาพของ อแมนด้า, เมลโรส, แคริดี และอันชาล สร้างความประทับใจให้กับกรรมการเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่า เจด้า กับ มิเชลล์ จะทำได้แย่ในตอนถ่ายภาพกับ ฟาบิโอ้ แต่กลายเป็นยูจีน่าและบรูคที่ต้องตกเป็นสองคนสุดท้าย กรรมการต่างชื่นชอบในบุคลิกของบรูค แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเธอมีศักยภาพในการเป็นนางแบบเพียงพอหรือไม่ ในขณะที่ยูจีน่ามีศักยภาพเหลือล้นแต่การกระทำของเธอในห้องตัดสินคืนนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเคารพเลย และ บรูคต้องเป็นผู้ที่ถูกคัดออกในคืนวันจบการศึกษาของเธอเอง ซึ่งไทร่าก็ได้ให้กำลังใจเธอว่ายังมีสาวๆ อีกจำนวนมากที่อยากจะมายืนอยู่ในจุดเดียวกับเธอตรงนี้ และขณะนี้เธอก็ได้จบการศึกษาเรียบร้อยแล้ว

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : อแมนด้า บาบิน
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : บรูค มิลเลอร์ และ ยูจีน่า วอชิงตัน
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : บรูค มิลเลอร์
  • ช่างถ่ายภาพ : เจฟฟรี่ย์ โจนส์, แรนดี้ เซนต์. นิโคลัส, ไทร่า แบงค์
  • แขกรับเชิญพิเศษ : ฟาบิโอ้, ดีต้า วอน ทีส, ไคลี่ แบกซ์, อาทุสซ่า รูเบนสเตน, บิว กิลเลี่ยน, เคธี่ โกลด์, เอลิสซ่า ทรัมป์
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : แคริดี อิงลิช

The Girls Who Made It This Far

ออกอากาศ : 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กับเหตุการณ์เมื่อสาวๆ ย้ายเข้าบ้านวันแรกเมื่อพวกเธอต้องพบกับด่านตรวจกระเป๋าเสื้อผ้า และของชิ้นไหนถ้าไม่เข้าตาก็ต้องถูกโยนลง “ถังขยะแฟชั่น” แต่หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้ถูกพาไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านสกายล่า เป็นการทดแทนการปะทะกันระหว่าง อแมนด้า และ โมนิค เมื่ออแมนด้าไปกินมันฝรั่งโทริโทสของโมนิคเข้า เธอจึงเอาคืนด้วยการเอาอาหารที่มีทั้งหมดในบ้านมาละเลงกับพื้นและทิ้งลงขยะและเหตุการณ์ขณะที่สาวๆ กำลังเลียนแบบไทร่าในห้องตัดสินนั้นเอง แคริดีก็ได้ผายลมออกมาซึ่งสร้างความขบขันให้กับสาวๆ คนอื่น

The Girl Who Wrecks the Car

ออกอากาศ : 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

สาวๆ มาพบกับ แกเบรียล รีช นางแบบและนักกีฬามืออาชีพที่ชายหาด และต้องฝึกถ่ายรูปแอ็คชั่นโดยพวกเธอต้องฝึกโพสท่าขณะที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลวันต่อมาสาวๆ ต้องถ่ายรูปกับนักแข่งรถสแตนทัน แบเรท ในแบบแอ็คชั่นโดยพวกเธอจะต้องกดรีโมทควบคุมกล้องด้วยตัวเอง มิเชลล์เป็นผู้ชนะการแข่งขัน และเธอเลือกอแมนด้า, แคริดี และเมลโรส ให้ได้รางวัลร่วมกับเธอซึ่งก็คือการได้ช็อปปิ้งในมูลค่า 10,000 ดอลล่าห์ แต่พวกเธอจะต้องช็อปปิ้งแข่งกันเองโดยคนที่หยิบของมาได้เยอะที่สุดในเวลา 30 วินาที และเมลโรสเป็นผู้ที่ชนะซึ่งทำให้เธอได้ของทั้งหมดไปคนเดียว

ความตึงเครียดระหว่างเมลโรสและอันชาลยิ่งระอุขึ้นเมื่อทั้งคู่ปะทะกันหลังจากกลับมาจากการแข่งขัน และเมลโรสได้บอกว่าอันชาลชอบทำตัวเป็นเด็กและไม่เคารพคนอื่น ซึ่งทำให้อันชาลโมโหเป็นอย่างมาก

การถ่ายรูปในครั้งนี้ สาวๆ ต้องถ่ายโฆษณาให้กับรองพื้น ทรูเบลนด์ของคัฟเวอร์เกิร์ล โดยพวกเธอต้องถ่ายรูปกลางอากาศในสถานที่ฝึกดิ่งพสุธาในร่มเหนือพัดลมยักษ์

ในห้องตัดสินสาวๆ ต้องทำท่าทางและใส่อารมณ์ตามคำสั่งแบบสุ่มดังนี้

นางแบบท่าทาง
อแมนด้าเล่นสกีอย่างเศร้าสร้อย
อันชาลเต้นอย่างก้าวร้าว
แคริดีซ่อนตัวอย่างงุนงง
ยูจีน่าโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างให้ท่า
เจด้ากระโดดอย่างร่าเริง
เมลโรสชกมวยอย่างสนุกสนาน
มิเชลล์ว่ายน้ำอย่างน่ากลัว

ในห้องตัดสิน ภาพของแคริดี, เมลโรส และยูจีน่าสร้างความประทับใจให้กรรมการเป็นอย่างมาก ในขณะที่คนอื่นไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เลย และถึงแม้ว่าจะมีบางรูปที่แย่มากจากยูจีน่าและเจด้า แต่มิเชลล์กับอันชาลกลายเป็นสองคนสุดท้าย เพราะกรรมการคิดว่าพวกเธอดูยังไม่เต็มที่กับการแข่งขันมากพอ สุดท้ายเนื่องจากกรรมการคิดว่า ภาพรวมของผลงานที่ผ่านมาของมิเชลล์ แข็งแรงกว่าอันชาล ในที่สุดอันชาลต้องเป็นผู้ที่ถูกคัดออก และถึงแม้อันชาลจะต้องตกรอบแต่ไทร่าก็ยังบอกว่าเธอเป็นคนที่สวยมากที่สุดคนนึงและให้เธอจงมีความมั่นใจในตัวเองต่อไป

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : แคริดี อิงลิช
  • ผู้ที่ยีนเป็นสองคนสุดท้าย : อันชาล โจเซฟ และ มิเชลล์ บาบิน
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : อันชาล โจเซฟ
  • ช่างถ่ายภาพ : แพททริค จีอาร์ดิโน
  • แขกรับเชิญพิเศษ : กาเบรียล รีซ, สแตนทัน แบเรท, เจมส์ เซนต์ เจมส์
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : แคริดี อิงลิช

The Girl Who Breaks Down

ออกอากาศ : 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

สัปดาห์นี้สาวๆ ได้ไปเรียนการแสดงกับ ทาช่า สมิธ ที่โรงละครแอลเอ พวกเธอต้องระเบิดอารมณ์ทั้งหมดออกมา แคริดี เผยว่าเธอเคยคิดจะฆ่าตัวตายทำให้สาวๆ คนอื่นพากันตกตะลึงกับสิ่งที่ได้รู้ จากนั้นพวกเธอจะต้องเล่นหนังเงียบ ซึ่งคนที่ชนะจะได้เป็นดารารับเชิญในซีรีส์ “One Tree Hill” และ แคริดี เป็นผู้ชนะในการแข่งครั้งนี้ ซึ่งในขณะที่สาวๆ กำลังดูหนังเงียบของแคริดีนั้นเอง ไทร่าก็บอกสาวๆ ให้พวกเธอเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปแข่งกันต่อที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน

เมื่อสาวๆ เดินทางมาถึงบาร์เซโลนา พวกเธอก็ได้พบกับนายแบบหนุ่มทั้งหกคนที่จะมาถ่ายโฆษณากับเธอในวันถัดไป แต่แล้วความตึงเครียดก็เกิดขึ้นระหว่างเจด้ากับนายแบบที่ต้องถ่ายโฆษณากับเธอเมื่อเขาได้บอกว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงผิวดำ

ในวันต่อมาสาวๆ ต้องถ่ายโฆษณาโรลออน ซีเคร็ทด้วยภาษาคาทาลัน ซึ่งในตอนท้ายของโฆษณาพวกเธอจะต้องจูบกับนายแบบหนุ่มซึ่งทำให้สาวๆ หลายคนรู้สึกเขินอายกันเป็นอย่างมาก

ในห้องตัดสิน เมลโรสได้รับคำชมจากคณะกรรมการ ว่าทำโฆษณา ออกมาได้ดีที่สุด และกรรมการส่วนใหญ่ไม่ชอบโฆษณาของยูจีน่า ส่วนมิเชลล์ จูบได้แย่ และแม้ว่าแคริดี ที่เคยเป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมการ แต่เธอทำโฆษณาในครั้งนี้ได้เลวร้ายที่สุด

แคริดีเป็นสองคนสุดท้ายร่วมกับเจด้า ซึ่งกรรมการคิดว่าทำโฆษณาได้แย่ที่สุดในบรรดาสาวๆทั้งหมด ถึงแม้ว่ากรรมการจะให้โอกาสเธอแล้วหลายครั้ง แต่เธอได้เสียกำลังใจและหมดไฟไปกับการถ่ายโฆษณาครั้งนี้แล้ว และนั่นทำให้เจด้าต้องถูกคัดออก

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : แคริดี อิงลิช และ เจด้า ยัง
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : เจด้า ยัง
  • ผู้กำกับโฆษณา : เดนิส โรวิร่า
  • แขกรับเชิญพิเศษ : ทาช่า สมิธ, ลี นอร์ริส, เดวิด แจ็คแมน
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : แคริดี อิงลิช

The Girl Who Sticks Her Foot In Her Mouth

ออกอากาศ : 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

จากการที่แคริดีกลายเป็นสองคนสุดท้ายในครั้งก่อนทำให้เธอเครียดมาก ดังนั้นเพื่อผ่อนคลายสาวๆ จึงชวนนายแบบที่ถ่ายโฆษณาด้วยครั้งก่อนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน ในวันต่อมาไทร่าได้มาหาสาวๆ ที่บ้านและได้เล่าถึงชีวิตในวงการนางแบบให้ฟังและหวังว่าหลังจากออกจากรายการนี้ไปแล้ว พวกเธอคงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการนี้ได้อย่างเข้มแข็ง จากนั้นสาวๆ ได้ไปพบกับ พันโช ซาวล่า ผู้อำนวยการของอีลีท ก่อนที่จะออกไปโชว์ตัวกับดีไซน์เนอร์ทั้ง 10 คน ในบาร์เซโลนา ในขณะที่แคริดีจับคู่กับยูจีน่า และอแมนด้าไปกับมิเชลล์ แต่เมลโรสเลือกที่จะไปหาดีไซน์เนอร์ตามลำพัง ซึ่งทำให้เธอได้พบดีไซน์เนอร์มากที่สุดและเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ และเธอเลือกให้แคริดีได้รับรางวัลร่วมกับเธอซึ่งก็คืออาหารค่ำสุดหรูแบบสุดยอดนางแบบที่อพาร์ทเม้นท์

การถ่ายภาพในครั้งนี้ สาวๆ ต้องถ่ายรูปเป็นนักสู้วัวกระทิงโดยมีไนเจล บาร์คเกอร์เป็นช่างภาพ ระหว่างถ่ายภาพแคริดี้ด้เล่นมุขตลกกับไนเจลซึ่งทำให้เขาโมโหและไม่อยากทำงานร่วมกับเธอ ซึ่งหลังจากที่เจย์ แมนูเอลมาตักเตือนก็ทำให้เธอรู้สึกผิด

ในห้องตัดสินคณะกรรมการให้สาวๆ บอกว่าใครมีศักยภาพมากและน้อยที่สุด มิเชลล์คิดว่าเธอมีศักยภาพน้อยกว่าคนอื่นๆ ซึ่งนั่นทำให้กรรมการสงสัยว่าเธอคิดอยากจะเป็นนางแบบและต้องการมันจริงๆหรือเปล่า และแคริดีเขียนจดหมายมาขอโทษไนเจลซึ่งเธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอได้บทเรียนแล้ว

ในระหว่างการปรึกษาหารือ กรรมการคิดว่าภาพของอแมนด้าและแคริดีขาดความมีชีวิตชีวา ส่วนมิเชลล์นั้นได้ภาพที่ดี แต่เธอกลับคิดว่าตัวเองไม่มีศักยภาพเพียงพอ ในที่สุดอแมนด้ากับมิเชลล์กลายเป็นสองคนสุดท้าย ไทร่ากล่าวว่า อแมนด้าเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ภาพของเธอในครั้งนี้กลับไม่สื่อถึงอะไรเลย และมิเชลล์เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่ขาดความมั่นใจ และถึงแม้มิเชลล์จะได้ภาพที่สวยและทรงพลังมาตลอด แต่กรรมการรู้สึกว่าคนที่ต้องการมันมากกว่าคือ อแมนด้า และนั่นทำให้มิเชลล์ต้องกลับบ้านและคู่แฝดของเธอได้อยู่ต่อไป

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : ยูจีน่า วอชิงตัน
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : อแมนด้า บาบิน และ มิเชลล์ บาบิน
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : มิเชลล์ บาบิน
  • ช่างถ่ายภาพ : ไนเจล บาร์คเกอร์
  • แขกรับเชิญพิเศษ : พันโช ซาวล่า, จูเลีย เชียร์, ซูซาน่า แคสทาโน, จอร์จ เปาโล เดอ โอลิเวียร่า เทอร่า, วิคทอริอาโน ไซมอน, จูเลีย โซห์น
  • สาวคัฟเวอร์เกิลร์ประจำสัปดาห์ : แคริดี อิงลิช

The Girl Who Grates

ออกอากาศ : 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

สาวๆ ได้ไปเรียนการเต้นฟลามิงโก้ซึ่งเป็นระบำพื้นเมืองของสเปนกับ นักเต้น นาโช บลังโช ยูจีน่าเต้นได้อย่างลื่นไหลในขณะที่อแมนด้าดูเก้งก้างติดขัดไปหมด ตอนกลางคืนหลังจากผู้เข้าแข่งขันได้มาทานอาหารเย็นกับมิสเจแล้ว ก็กลับไปซ้อมเต้นกันต่อ แคริดีกับยูจีน่าแสดงความเป็นศัตรูกับเมลโรสออกมาอย่างเปิดเผย วันต่อมาสาวๆ ได้มาแข่งเต้นฟลามิงโก้ เมลโรสที่มีความมั่นใจเต็มร้อยกลับทำพลาดซึ่งทำให้เธอเสียใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ นาโชชื่นชมความพยายามของอแมนด้า แต่ผู้ชนะคือยูจีน่าและรางวัลของเธอก็คือชุดคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วงของคัสโต บาร์เซโลนาในปี 2006 ซึ่งเธอเลือกให้อแมนด้าได้รางวัลร่วมกับเธอด้วย

ในการถ่ายรูปสาวๆ จะต้องถ่ายรูปเป็นภูติพรายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งเจย์ แมนูเอล ได้จับคู่ให้สาวๆ ถ่ายรูปคู่กัน โดยยูจีน่าจับคู่กับเมลโรส และอแมนด้าคู่กับแคริดี ระหว่างถ่าย แคริดีเกิดอาการตัวเกร็งด้วยความหนาวเย็นของน้ำเลยทำให้อแมนด้าต้องถ่ายภาพที่เหลือคนเดียว

ในห้องตัดสินกรรมการเตือนเรื่องการแสดงออกทางสีหน้าให้ดูอ่อนโยนของยูจีน่า และการโพสของอแมนด้านั้นดูอึดอัด และดูแข็ง แต่กรรมการชอบที่เธอไม่แสดงออกให้เห็นถึงความหนาวออกมาในภาพ แคริดีและอแมนด้ากลายเป็นสองคนสุดท้าย กรรมการคิดว่า อแมนด้ามีลุคส์ที่ดูเป็นแฟชั่นชั้นสูง แต่ดูเก้งก้างและอ่อนโยนเกินไป ในขณะที่ แคริดีเธอมีลุคส์ที่ดูสวยคลาสสิก แต่อาจจะไม่ตอบสนองความสามารถทางกายภาพของการเป็นนางแบบได้ ในที่สุด ไทร่าได้ยื่นภาพให้แคริดี แล้วบอกให้เธอ จัดการจุดบกพร่องของเธอ และอแมนด้า ต้องเป็นฝ่ายเก็บของกลับบ้าน

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : อแมนด้า บาบิน และ แคริดี อิงลิช
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : อแมนด้า บาบิน
  • ช่างถ่ายภาพ : เดวิด รูอิซ
  • แขกรับเชิญพิเศษ : นาโช บลานโช, นาอามา เฮอร์นันเดซ รูอิซ

The Girl Who Becomes America's Next Top Model

ออกอากาศ : 6 ธันวาคม พ.ศ. 2549

ผู้เข้าแข่งขันสามคนที่เหลือได้มาหาเจย์ แมนูเอล เพื่อถ่ายโฆษณาลิปสติก เอาท์ลาสต์ ดับเบิ้ล ลิปไชน์ ให้กับคัฟเวอร์เกิร์ล โดยมีแดเนียลล์ อีวานส์ ผู้ชนะจากฤดูกาลที่ 6 มาคอยให้คำแนะนำ ในการถ่ายโฆษณา ความกระตือรือล้นของแคริดีทำให้เธอผ่านไปได้อย่างงดงาม

ในห้องตัดสินกรรมการเห็นว่าภาพของแคริดีให้ความรู้สึกสดใส ดูมีความสุข ยูจีน่าก็ได้ภาพที่งดงามในขณะที่ภาพของเมลโรสกลับดูแก่เกินกว่าความเป็นจริง และถึงแม้ว่าโฆษณาของเมลโรสจะออกมาน่าผิดหวังแต่เธอก็ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปซึ่งทำให้ยูจีน่าต้องตกรอบ

  • ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก : แคริดี อิงลิช
  • ผู้ที่ยืนเป็นสองคนสุดท้าย : ยูจีน่า วอชิงตัน และ เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • ผู้ที่ถูกคัดออก : ยูจีน่า วอชิงตัน
  • ช่างถ่ายภาพ : จิม เดอ ยอนเกอร์

ในการเดินแบบรอบไฟนอลรันเวย์ สองสาวจะต้องเดินแบบในชุด “เจ้าสาวผีดิบ” ซึ่งออกแบบโดย วิคทอริโอ และ ลุคชิโน โดยเวทีจะถูกจัดอยู่ที่ แอนโทนี่การ์ด ใน สวนปาร์คจิวล์ ในระหว่างการเดินแบบ แคริดีได้เหยียบกระโปรงของเมลโรสขาดในขณะที่เดินสวนกัน และในรอบสุดท้ายสองสาวต้องใส่ชุดแต่งงานสีดำและวิ่งด้วยท่าทางหวาดกลัวอย่างสุดขีดในอุโมงค์ยาว ซึ่งหลังจากนั้นการเดินแบบในรอบไฟนอลรันเวย์ก็สิ้นสุดลง

ในห้องตัดสินกรรมการทุกคนต่างมีความเห็นว่าเมลโรสเหนือกว่าแคริดีทุกด้านไม่ว่าจะเป็นผลงาน การเดิน และความรู้เรื่องแฟชั่น แต่กรรมการรู้สึกว่าเมลโรสดูต้องการที่จะเอาชนะและเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังมากเกินไป ในขณะที่แคริดีมีบุคลิกภาพที่มากกว่าในบางครั้ง และหลังจากที่พิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว คณะกรรมการก็ตัดสินใจและประกาศว่า ผู้ชนะในฤดูกาลที่ 7 ก็คือ แคริดี อิงลิช ซึ่งเป็นผู้ชนะสาวผมบลอนด์คนแรกของรายการ

  • ผู้ชิงตำแหน่งสองคนสุดท้าย : แคริดี อิงลิช และ เมลโรส บิคเคอร์สตาฟฟ์
  • อเมริกา เน็กซต์ ท็อป โมเดล : แคริดี อิงลิช
  • ช่างถ่ายภาพ : จอร์จ โฮลซ์
  • แขกรับเชิญพิเศษ : แดเนียลล์ อีวานส์, วิคทอริโอ และ ลุคชิโน, เอทุสซ่า รูเบนสเตน, บิว กิลเลี่ยน, ไมเคิล คอลลาฮาน

ใกล้เคียง

อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 14 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 24 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 23 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 8 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 20 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 6 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 9 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 7 อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 5